NB: เขียนตามความเข้าใจ หากผิดพลาดประการใด รบกวนบอกกล่าว เพื่อแก้ไข ให้เนื้อหาถูกต้อง และเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ต่อไป ขอบคุณค่ะ
..
ทุกๆ คนมีความรู้ ทั้งในด้านเดียวกัน และที่แตกต่างกัน ทุกคนมีเคล็ดลับ ความชำนาญ ประสบการณ์ และทักษะ ที่หลายหลาย และมากน้อยต่างกัน
บ้างก็นำมาแบ่งปัน สอนต่อ บ้างก็ผ่านตัวอักษร บ้างก็ด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ว่า ใช่ว่า ความรู้ทุกอย่าง จะนำมาสอน หรือ บอกเล่าต่อ ผ่านตัวอักษรได้ง่ายๆ เสมอไป
อย่างเช่น การสอนขี่จักรยาน (Ref. 1)
หากถามว่า “จะสอนใครสักคน ขี่จักรยาน ทำได้ไหม?” คนที่ขี่ได้ส่วนมาก มักตอบว่า “สอนได้”
แต่หากถามต่อว่า “ถ้าให้สอนเป็นตัวหนังสือ เขียนออกมาล่ะ? ทำได้ไหม?” อันนี้ คนสอน คงต้องคิดหนัก ว่าจะอธิบายอย่างไร เพื่อให้คนหัดใหม่ สามารถขี่ได้จริง โดยไม่ต้องมีภาคปฎิบัติให้ดูจริง
ขอคู่มือ การขี่จักรยาน หน่อยสิ :)
.
อีกตัวอย่าง ที่อาจารย์ยกมา ก็เช่น การทำอาหาร (Ref. 1)
แม้จะมีสูตรอาหารมาเหมือนๆ กัน คนสองคน อาจทำอาหารจานนั้น ออกมาได้อร่อยไม่เท่ากัน หรืออร่อยกันไปคนละแนว ทั้งนี้ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับ “เคล็ดลับ” เล็กๆ น้อยๆ ที่แต่ละคนมี แต่ไม่มีใครบอกใคร
.
เป็นต้น
..
เมื่อแบ่งประเภทของความรู้ แล้ว หลักๆ ก็น่าจะสามารถแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน
ดังที่อ้างไว้ใน Wiki [คิดว่า] โดย Nonaka [เป็นอีกบุคคลหนึ่ง ที่มีความรู้เรื่องนี้มาก และอาจารย์วิชิตา ก็นำเนื้อหาที่เขาเป็นผู้กล่าวไว้ มาปรับใช้ในการเรียน การสอน ด้วย] ดังนี้
A key distinction made by the majority of knowledge management practitioners is Nonaka’s reformulation of Polanyi’s distinction between tacit and explicit knowledge. (Ref. 2)
๑. Explicit knowledge (ความรู้ชัดแจ้ง(Ref. 3)) ความรู้ที่สามารถ นำมาอธิบาย หรือว่า เขียนออกมา เพื่ออธิบาย ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ และรับรู้ได้ เป็นลายลักษณ์อักษร หรือ คำพูด ที่สามารถสื่อสาร ส่งต่อให้ผู้รับสาร ได้เข้าใจ และนำไปปฏิบิตื หรือใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น คู่มือต่างๆ หรือ สูตรอาหาร ในตัวอย่างข้างต้น เป็นต้น
๒. Tacit knowledge (ความรู้แฝงเร้น(Ref. 3))
ความรู้ที่อยู่ในสมอง หรือ ความคิดของคนเรา และเป็นส่วนที่นำมาอธิบาย ให้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือสื่อสารส่งต่อ ได้ค่อนข้างยาก โดยมาก มักเป็น เทคนิคส่วนตัว ทักษะ ต่างๆ ที่ค้นพบเอง เช่น เคล็ดลับ หรือ วิธีการขี่จักรยาน ซึ่งอธิบายออกมาได้ยาก
..
.
คุณเอง ก็มี Tacit knowledge ใช่ไหม?
.
References:
(1) ข้อมูลการเรียนการสอน และตัวอย่างจาก
Knowledge Management Class, CMMU
สอนโดย Assistant Professor Dr. Vichita Ractham
(ขอบคุณค่ะ อาจารย์)
(2) Wikipedia – Knowledge Management
(3) วิกิพีเดีย – การจัดการความรู้
..
จะพยายามนำความรู้ที่เรียน มาเขียนเป็นตอนสั้นๆ แบ่งปันให้ได้อ่านกัน และเพื่อให้ตัวเอง ได้ทบทวนบทเรียนไปด้วย
เขียนยาวเกินไป คนอ่านอาจจะเบื่อได้.. ค่อยๆ ซึมซับ “ความมัน” ไปพร้อมๆ กัน.. และที่สำคัญ คนเขียน เขียนยาวๆ ไม่ออก ๕๕๕๕ เพราะยังเรียนไม่ถึง
(เรื่องของเรื่อง ไอ้คนเขียนนี่ล่ะ ตัวดี
เขียนไม่ได้ อ้างไปเรื่อย)
เหอๆ
.
* * *
ตอนเรียน สนุกมาก ต้องไปถามสมพล ที่ไปโม้ต่อว่า.. อาจารย์วิชิตาเนี่ย สุดยอด.. มันมาก
รัวกระสุน ยิงปังๆๆๆๆ ตลอดคาบเรียน
(ไม่มีง่วงเด็ดขาด เพราะอาจดวงขาด หากเรียนไม่รู้เรื่อง)
จริงค่ะ ทำให้เด็กๆ ตื่นตัวกับการเรียนตลอดเวลา
จากที่เคยเรียน Management in Information System (MIS) กับอาจารย์มาตัวหนึ่ง ตอนนั้นว่ามันแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่า ขอบอกว่า สุดยอด
มันถึงขั้นว่า ตอนแรก พลตกใจ เตรียม drop หาวิชาอื่นเรียน เพราะกลัวเรียนไม่ไหว รายงานกระจาย
แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจ ไม่ drop เพราะคิดว่า วิชานี้ ทั้งเนื้อหา และการสอน น่าสนใจมาก
วิชานี้ อาจารย์บอกเลยว่า.. โหดไม่โหดไม่รู้ล่ะ แต่รุ่นก่อนๆ บอกว่า โหด.. นั่นคงเป็นเพราะ อาจารย์ชอบสอนวิชานี้มาก (อาจารย์บอกเอง) เพราะฉะนั้น อาจารย์ก็จะหมั่นหาโน่น หานี่ มาให้ฝึก ให้อ่าน ให้ลอง กันมากมาย..
หัวบาน หัวโต แน่
อาจารย์ตื่นตัว นักศึกษาตื่นตา และอาจจะตื่นยันเช้า เพราะทำรายงาน จนไม่ได้นอน.. (แหงมเลย.. เดาเอาไว้)
..
[Posted via WLW]
thoughts?